คำอธิบาย
ใช้ป้องกันหรือบำบัดรักษาผู้ที่ร่างกายขาดแคลเซียม ผู้ที่ได้รับแคลเซียมจากอาหารที่รับประทานตามปกติไม่เพียง หรือผู้ที่มีความต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน
ใช้ป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน
ใช้บำบัดรักษาภาวะร่างกายได้รับเกลือแร่โพแทสเซียมและเกลือแร่แมกนีเซียมในเลือดสูงเกินปกติ
ใช้รักษาภาวะร่างกายได้รับยาในกลุ่มแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Calcium channel blockers) เกินขนาด
ใช้เป็นยาทาภายนอก (ยาใช้ภายนอก) เมื่อผิวหนังไหม้หรือเกิดการระคายเคืองจากการสัมผัสกรดไฮโดรฟลูออริก (Hydrofluoric acid) ซึ่งเป็นกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น ใช้เป็นสารละลาย
ใช้รักษาอาการชักเกร็งจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำหลังผ่าตัดต่อมไทรอยด์ที่ตัดเอาต่อมพาราไทรอยด์ออกไปด้วย หรือมีอาการชักเกร็งจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
นอกจากนี้ในอดีตทางการแพทย์ยังเคยใช้ยานี้ชนิดฉีดรักษาผู้ที่ถูกแมงมุมแม่หม้ายดำกัดอีกด้วย
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ยาแคลเซียมกลูโคเนต
ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่มีภาวะเกลือแคลเซียมร่างกายสูง, ผู้ที่รับพิษจากยาไดจอกซิน (Digoxin), ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในระหว่างการกู้ชีพด้วยเครื่องที่เรียกว่า CPR ( Cardiopulmonary resuscitation)
สำหรับยาเม็ด ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้ และห้ามเก็บหรือใช้ยาที่หมดอายุ
ควรระวังในการใช้ยาแคลเซียมกลูโคเนตชนิดฉีดเข้าหลอดเลือด เพราะอาจก่อให้เกิดอาการหลอดเลือดขยายตัว ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้า จนถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นได้
ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ โรคไต ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นนิ่วในไต
ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร เนื่องจากผลการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ายานี้ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ ดังนั้น การใช้ยานี้แพทย์จะพิจารณาใช้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารก อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรก็จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เพราะจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของทารก แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแคลเซียมกลูโคเนตในปริมาณมาก ๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งแม่และ/หรือทารกในครรภ์ได้